Mind Map (แผนที่ความคิด) คือ เครื่องมือด้านความคิดที่ออกแบบโดยเลียนแบบการทำงานของสมอง คิดค้นโดยชาวอังกฤษชื่อ Tony Buzan ซึ่งเค้าว่าเครื่องมือนี้ คือ “ภาษาของสมอง” เป็นวิธีเดียวกับที่สมองคิด ใช้ได้ทั้งการนำข้อมูลเข้า (จดบันทึก) และออกจากสมอง (ระดมสมอง แสดงความคิด)
- มีลักษณะสำคัญคือ มีการเชื่อมโยง จากไอเดียหลักตรงกลาง แตกกิ่งออกไปเรื่อยๆ
- ประกอบไปด้วย “คำสำคัญ” และ “รูปภาพ” โดยองค์ประกอบเหล่านี้มีการเชื่อมโยงถึงกันด้วย “เส้น” และมีการกระตุ้นด้วยการใช้ “สี“
หลักการเขียนผังความคิด
- เตรียมกระดาษเปล่า ใหญ่ๆ หน่อยก็ดี (A3-A4 กำลังสวยครับ) ให้เอาแบบไม่มีเส้น และให้วางในแนวนอน เพราะเส้นจะทำให้เกิดการตีกรอบ/กั้นความคิด และการอ่านแนวนอนนั้นง่ายกว่าแนวตั้ง (และถ้าคิดจะเก็บเป็น Collection ก็หาแฟ้มเจาะห่วงไว้ด้วยเลยก็ได้ครับ)
- เตรียมปากกาสีสวยๆ ไว้ซัก 1 Set คุณสามารถวาด Mind Map ได้ด้วยดีสอสีแท่งเดียวก็จริง แต่ถ้ามีหลายสี มันจะทำให้ Mind Map คุณสวยขึ้น และสียังจะช่วยกระตุ้นความคิดได้มากกว่าด้วย
- ผ่อนคลายซักนิด ก่อนเริ่มวาด…
- วาดภาพหรือเขียนหัวข้อหลักที่ต้องการจะคิด (Central Idea) ตรงกลางหน้ากระดาษ
- ให้วาดภาพ…
- ขนาดไม่เล็กเกินไป (จนไม่น่าสนใจ) และไม่ใหญ่จนไม่มีที่ให้แตกกิ่งออกมาเพิ่ม
- พยายามอย่าล้อมกรอบ ซึ่งจะไปปิดกั้นความคิด (สมองจะมองกรอบว่าเป็นการสรุป เสร็จสิ้นแล้ว)
- ถ้าวาดรูปไม่เป็นให้ไปหารูปมาแปะ
- ถ้าหารูปไม่ได้อีก ก็เขียนเป็นคำก็ได้ แต่ต้องเอาให้เด่น!!
- ทำให้สิ่งที่อยู่ตรงกลางโดดเด่น เพื่อสร้างความจดจำ และกระตุ้นความคิด
- สีสดใส
- ใส่อารมณ์ เช่น มุกตลก
- ให้วาดภาพ…
- วาดกิ่งใหญ่ แตกแขนงออกมาจากภาพตรงกลาง ซึ่งกิ่งใหญ่นี้จะเป็นตัวแทนของหัวข้อหลักที่เกี่ยวกับ Central Idea ตรงกลาง โดยที่…
- แรกเริ่มยังไม่ต้องคิดมากกว่าจะแตกกิ่งอะไรดี จะถูกหรือไม่ ให้ใช้หลักการ Brainstorming คือ ให้พยายามคิดออกมาเยอะๆ คือเน้นปริมาณก่อน จากนั้นค่อยมาคัดทีหลัง
- การคัดเลือก ให้รวบรวมกิ่งที่คล้ายคลึงกันเข้าด้วยกัน โดยให้มีอย่างมากไม่เกิน 9 กิ่งใหญ่ (หลักการจำของสมอง จำได้แบบ Short-Term ได้แค่ 7+2 สิ่ง)
- เทคนิคของการแตกหัวข้อกิ่งใหญ่คือ Concept ที่เรียกว่า No Gap, No Overlap ซึ่งหมายถึง แต่ละหัวข้อควรเป็นประเด็นที่ไม่ซ้ำกัน และเมื่อทุกหัวข้อรวมกัน จะทำให้เราเห็นทุกประเด็นของ Central Idea จนครบ
- การที่จะมองว่าหัวข้อที่เราเขียนมันซ้ำประเด็นกันหรือไม่ ให้ลองคิดแบบย้อนกลับ คือ Zoom Out ออกไปว่าสิ่งที่เราเขียนอยู่ใน Category ใหญ่กว่าชื่อว่าอะไร เช่น หากเราเขียนถึงโค้ก=> ใหญ่กว่าคือ น้ำอัดลม => Soft Drink => เครื่องดื่ม => อาหาร เป็นต้น ถ้า Category ใหญ่กว่าซ้ำกัน เราก็ควรใช้อันนั้นเป็นกิ่งใหญ่หรือ Central Idea ไปเลย
- แต่ละกิ่งใหญ่ควรใช้สีแยกกัน และกิ่งย่อยที่แตกจากสีไหน ก็ให้ใช้สีเดียวกัน เพื่อให้เกิดการจัดกลุ่ม (ถ้ารีบจดก็ยังไม่ต้องแยกสีก็ได้)
- เส้นกิ่งใหญ่ให้วาดเป็นเส้นหนาๆ โค้งๆ รูปตัว s
- ให้วาดภาพหรือเขียน Keyword หรือของหัวข้อกิ่งใหญ่ในตำแหน่งเหนือกิ่งแต่ละอัน ให้กิ่งทำตัวเหมือนเป็นการขีดเส้นใต้ ห้ามเขียนหัวข้อไว้ปิดปลายกิ่ง เพราะจะเป็นการปิดกั้นไอเดีย (ยกเว้นคิดว่าจะเสร็จแล้วจริงๆ)
- ตรงหัวข้อตรงกิ่งใหญ่นี่แหละ เราสามารถแตกกิ่งออกเป็นสิ่งเหล่านี้ได้ในสถานการณ์ต่างๆ กัน เช่น
- หากจะสรุปหนังสือ : ก็เป็นหัวข้อสารบัญในหนังสือที่ต้องการสรุป
- หากเป็นสรุปบทความ : ให้ Highlight คำสำคัญที่พบในบทความ แล้วนำมาใช้เป็นกิ่งใหญ่
- หากไปประชุม : Agenda การประชุม/สัมมนา
- หากทำ Process ขั้นตอนต่างๆ : ให้เรียงจาก ก่อนไปหลัง
- จะเริ่มจากทิศ 1-2 นาฬิกา ไปทิศทางตามเข็มนาฬิกา (ถ้าถนัดขวา)
- จะเริ่มจากทิศ 10-11 นาฬิกา ไปทิศทวนเข็มนาฬิกา (ถ้าถนัดซ้าย)
- ใช้ Framework จากเครื่องมืออื่นๆ : เช่น SWOT, 4Ps, Decision Tree, อื่นๆ อีกมากมาย
- ถ้ายังคิดเรื่องได้ไม่ครบ ให้แตกกิ่งเปล่าทิ้งไว้ เดี๋ยวสมองเพื่อนๆ จะช่วยหาอะไรมาเติมให้เองทีหลัง
- แรกเริ่มยังไม่ต้องคิดมากกว่าจะแตกกิ่งอะไรดี จะถูกหรือไม่ ให้ใช้หลักการ Brainstorming คือ ให้พยายามคิดออกมาเยอะๆ คือเน้นปริมาณก่อน จากนั้นค่อยมาคัดทีหลัง
- แตกกิ่งรายย่อยเป็นรายละเอียดออกมาจากกิ่งใหญ่ (แตกออกมาได้ไม่รู้จบ โดยกิ่งย่อยๆ ให้มีขนาดบางกว่ากิ่งใหญ่) ที่สำคัญ อย่าเอาอะไรไปปิดปลายกิ่ง ถ้ายังคิดเรื่องที่จะแตกออกมาไม่ออก ให้แตกกิ่งเปล่าทิ้งไว้ เดี๋ยวสมองเพื่อนๆ จะช่วยหาอะไรมาเติมให้เองทีหลัง
- ให้เขียน 1 คำที่เป็น Keyword ต่อ 1 กิ่ง (อย่าเขียนเป็นประโยค)
- หากคำนั้นแยกเป็นคำประกอบได้ให้แยกคำอีก เช่น คำว่า แม่น้ำ ให้แยกเป็น “แม่” กิ่งนึง จากนั้นต่ออีกกิ่งก้วยคำว่า “น้ำ” เป็นต้น
- ความยาวของเส้น ให้ยาวพอดีๆ กับคำที่อยู่บนเส้น)
- เส้นไม่ต้องคดเคี้ยวมากเกินไป เอาให้อ่านง่าย
- ให้เขียน 1 คำที่เป็น Keyword ต่อ 1 กิ่ง (อย่าเขียนเป็นประโยค)
- เทคนิคปลีกย่อย
- ให้เว้นช่องว่างระหว่างกิ่งไว้ด้วย เผื่อความคิดใหม่ๆ จะโผล่มาอีก
- การแตกกิ่งตรงนี้อาจใช้หลักการได้ทั้งคิดแบบมีหลักการ (เช่นมีลำดับขั้น เช่น จากทวีป => ประเทศ => ภาค => จังหวัด => เขต => อำเภอ…) และคิดแบบฟุ้งซ่าน (หากกิ่งนั้นทำให้นึกถึงอะไรก็เขียนเลย)
- เส้นต้องเชื่อมกันอย่าให้ขาด (เดี๋ยวความคิดวิ่งไปไม่ถึง)
เทคนิคเจ๋งๆ ในการทำ Mind Map
- ให้ลองคิดด้านลบ แล้วหาทางป้องกัน เช่น ถ้าต้องการจะทำให้ยอดขายของบริษัทสูงขึ้น หากเราคิดแบบนีั้นตรงๆ เลย เรามักจะคิดไม่ออก ให้ลองคิดกลับด้าน เป็น ทำยังไงให้บริษัทล้มละลาย แล้วไอเดียจะพรั่งพรูเอง จากนั้นค่อยหาทางป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นอีกที เป็นต้น
- ให้คิดแบบ Backward Thinking ลองเปลี่ยนจากเดิมที่คิดเหตุหาผล => ผลไปหาเหตุ ดูบ้าง
- ใช้ Mind Map อันนึง เชื่อมต่อไปยัง Mind Map อันต่อไปเรื่อยๆ เวลาเจอไอเดียเจ๋งๆ หรือสื่งที่ต้องการ Explore เพิ่ม จากการวาด Mind Map อันแรก ให้ลองวาด Mind Map ของสิ่งนั้นดูเป็น Mind Map อันใหม่
- ดูตัวอย่าง MInd Map คนอื่นเยอะๆ จะได้ไอเดียในการทำเอง
- ยิ่งอ่านเยอะ รู้เยอะ จะยิ่งมีคลังความคิดเอาไว้เชื่อมโยงได้มากขึ้น
- ลองใช้ Mind Map คิดเชื่อมโยงหาความสัมพันธ์ของ 2 สิ่งที่อาจไม่เกี่ยวข้องกันดูสิ (Bisociation) แล้วเพื่อนๆ อาจะได้ไอเดียใหม่ที่ไม่เหมือนใครก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น